คณะตัวแทนไทยประกันชีวิต กลุ่ม CAN เข้าดูงาน บริษัทผู้ผลิตและออกแบบ โปรแกรมการทำงาน ณ บริษัท TOBESOFT ประเทศเกาหลี ช่วงวันที่ 19 - 22 สิงหสคม 2556
วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556
9 เสาหลัก Benchmarking สู่ความเป็นเลิศองค์กรธุรกิจ
จริงอยู่เรื่อง Benchmarking ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในสังคมปัจจุบัน แต่กลับเป็นเรื่องคุ้นชินและได้ยินมาเป็นเวลานาน แต่กระนั้นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ มีองค์กรจำนวนไม่น้อยไม่เข้าใจ และไม่สามารถนำไปปฏิบัติใช้กับองค์กรอย่างเต็มที่
ผลเช่นนี้จึงต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า เครื่องมือที่เรียกว่า Benchmarking มีส่วนช่วยสำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาองค์กรทั่วโลก
เรื่องนี้ "บรูซ เซิลส์" ผู้เชี่ยวชาญด้าน Benchmarking มากว่า 25 ปี อธิบายเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายในงานสัมมนา "Innovation and Benchmarking The Way Ahead" ที่จัดขึ้นโดยสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
"บรูซ" เริ่มต้นด้วยคำจำกัดความของ Benchmarking ว่าคือเครื่องมือที่ช่วยกำหนดมาตรฐาน เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้คิดและริเริ่มสิ่งใหม่เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร
"โดยเริ่มจากรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบในการบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในระดับกระบวนการ, ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในระดับองค์กร, ตัวชี้วัดสำหรับการประเมินตนเอง และกรณีศึกษาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในการเทียบเคียงประสิทธิภาพของตนเองกับองค์กรอื่นทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของตนเองในระดับโลก"
"หลังจากผมทำการศึกษาพบว่า Benchmarking ทั่วโลกประกอบด้วย 9 เสาหลัก ดังนี้
เสาแรก การกำหนดตัว - ชี้วัด KPI (Key Performance Indicator) ซึ่งผมคิดว่าควรมีการวัดไม่เกิน 5 ตัวชี้วัด ไม่เช่นนั้นเมื่อตัวชี้วัดมีความหลากหลายมากเกินไปอาจหาข้อสรุปไม่ได้"
เสาที่สอง กระบวนการทางนวัตกรรม
เสาที่สาม การนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างมีวิสัยทัศน์
เสาที่สี่ ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เสาที่ห้า การวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมาย
เสาที่หก วางกรอบในการบริหารจัดการ และการประเมินผล
เสาที่เจ็ด การลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง
เสาที่แปด มีแนวคิดที่สำคัญในการลดความสูญเสีย
เสาที่เก้า จูงใจให้คนในองค์กรเล็งเห็นประโยชน์จากแนวทางนี้
ทั้ง 9 เสาหลักเราจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงและพัฒนาจากภายในขององค์กรเสียก่อน หลังจากนั้นเมื่อได้ผลลัพธ์แล้วให้นำผลลัพธ์ไปเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น และท้ายที่สุดคือการพัฒนาที่ก้าวหน้าขององค์กรเราที่ได้เปรียบที่สุด
"ผมบอกได้เลยว่า หากมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยแนวคิดของ Benchmarking จะสามารถทำให้ผลิตภาพขององค์กรโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% อย่างแน่นอน"
นอกจากนี้ "บรูซ" ยังทำการศึกษาแนวโน้ม Benchmarking ในปี 2573 หรืออีก 17 ปีข้างหน้า พบว่าแนวคิดนี้จะถูกหยิบยกมาใช้กันในวงกว้างทั่วโลกมากขึ้น
"โดยจะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อยกระดับผลิตภาพขององค์กร และมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจได้อย่างดีเยี่ยม ฉะนั้น องค์กรที่ต้องการจะมุ่งสู่การเพิ่มผลิตภาพที่ดีในอนาคตจะต้องผสานแนวทางการสร้างนวัตกรรมประกอบเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ"
"จริง ๆ แล้วแนวคิด Benchmarking ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องยึดหลักด้วยความเข้าใจในองค์กรว่าจะมุ่งพัฒนาไปในเรื่องใด ที่สำคัญการเทียบวัดจากองค์กรภายนอกจะต้องวัดในลักษณะของวิธีการ และแนวทางปฏิบัติจะชัดเจน
ที่สุด ขณะเดียวกัน จะต้องรู้ว่าหลังจากได้ผลลัพธ์แล้วเราจะนำไปพัฒนาและต่อยอดอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดขององค์กร"
นี่คือวิธีการเดิมในความเข้าใจใหม่ของ Benchmarking เพื่ิอองค์กรที่ดีกว่า
หลากหลายกิจกรรมของ บ.ไทยประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เป็นการส่งเสริมการตลาดของตัวแทนประกันชีวิต ให้ ตัวแทนไทยประกันชีวิต เข้าถึงลูกค้า ได้มากขึ้น วันนี้ตัวแทนไทยประกันชีวิต สามารถแนะนำสินค่า โดยไม่ต้องเน้น บริษัท เพราะวันนี้ ไทยประกันชีวิต เป็นที่รู้จักมามากกว่า 80 ปี ตัวแทนไทยประกันชีวิต มากกว่า 50,000 คน ตัวแทนไทยประกันชีวิต ตัวแทนดูแลชีวิตคนไทย
ผลเช่นนี้จึงต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า เครื่องมือที่เรียกว่า Benchmarking มีส่วนช่วยสำคัญอย่างไรต่อการพัฒนาองค์กรทั่วโลกเรื่องนี้ "บรูซ เซิลส์" ผู้เชี่ยวชาญด้าน Benchmarking มากว่า 25 ปี อธิบายเพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจนภายในงานสัมมนา "Innovation and Benchmarking The Way Ahead" ที่จัดขึ้นโดยสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ
"บรูซ" เริ่มต้นด้วยคำจำกัดความของ Benchmarking ว่าคือเครื่องมือที่ช่วยกำหนดมาตรฐาน เพื่อนำมาปรับปรุงการผลิตให้ดีขึ้น รวมถึงเป็นตัวกระตุ้นให้คิดและริเริ่มสิ่งใหม่เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมให้กับองค์กร
"โดยเริ่มจากรวบรวม วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบในการบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในระดับกระบวนการ, ตัวชี้วัดประสิทธิภาพในระดับองค์กร, ตัวชี้วัดสำหรับการประเมินตนเอง และกรณีศึกษาวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในการเทียบเคียงประสิทธิภาพของตนเองกับองค์กรอื่นทั้งภายในและนอกประเทศ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของตนเองในระดับโลก"
"หลังจากผมทำการศึกษาพบว่า Benchmarking ทั่วโลกประกอบด้วย 9 เสาหลัก ดังนี้
เสาแรก การกำหนดตัว - ชี้วัด KPI (Key Performance Indicator) ซึ่งผมคิดว่าควรมีการวัดไม่เกิน 5 ตัวชี้วัด ไม่เช่นนั้นเมื่อตัวชี้วัดมีความหลากหลายมากเกินไปอาจหาข้อสรุปไม่ได้"
เสาที่สอง กระบวนการทางนวัตกรรม
เสาที่สาม การนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างมีวิสัยทัศน์
เสาที่สี่ ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
เสาที่ห้า การวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อบรรลุเป้าหมาย
เสาที่หก วางกรอบในการบริหารจัดการ และการประเมินผล
เสาที่เจ็ด การลงมือปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นและจริงจัง
เสาที่แปด มีแนวคิดที่สำคัญในการลดความสูญเสีย
เสาที่เก้า จูงใจให้คนในองค์กรเล็งเห็นประโยชน์จากแนวทางนี้
ทั้ง 9 เสาหลักเราจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงและพัฒนาจากภายในขององค์กรเสียก่อน หลังจากนั้นเมื่อได้ผลลัพธ์แล้วให้นำผลลัพธ์ไปเปรียบเทียบกับองค์กรอื่น และท้ายที่สุดคือการพัฒนาที่ก้าวหน้าขององค์กรเราที่ได้เปรียบที่สุด
"ผมบอกได้เลยว่า หากมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงองค์กรด้วยแนวคิดของ Benchmarking จะสามารถทำให้ผลิตภาพขององค์กรโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% อย่างแน่นอน"
นอกจากนี้ "บรูซ" ยังทำการศึกษาแนวโน้ม Benchmarking ในปี 2573 หรืออีก 17 ปีข้างหน้า พบว่าแนวคิดนี้จะถูกหยิบยกมาใช้กันในวงกว้างทั่วโลกมากขึ้น
"โดยจะเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อยกระดับผลิตภาพขององค์กร และมุ่งสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจได้อย่างดีเยี่ยม ฉะนั้น องค์กรที่ต้องการจะมุ่งสู่การเพิ่มผลิตภาพที่ดีในอนาคตจะต้องผสานแนวทางการสร้างนวัตกรรมประกอบเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ"
"จริง ๆ แล้วแนวคิด Benchmarking ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องยึดหลักด้วยความเข้าใจในองค์กรว่าจะมุ่งพัฒนาไปในเรื่องใด ที่สำคัญการเทียบวัดจากองค์กรภายนอกจะต้องวัดในลักษณะของวิธีการ และแนวทางปฏิบัติจะชัดเจน
ที่สุด ขณะเดียวกัน จะต้องรู้ว่าหลังจากได้ผลลัพธ์แล้วเราจะนำไปพัฒนาและต่อยอดอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดขององค์กร"
นี่คือวิธีการเดิมในความเข้าใจใหม่ของ Benchmarking เพื่ิอองค์กรที่ดีกว่า
ไทยประกันชีวิตเสริมเขี้ยวเล็บ ผนึกกำลังกับเมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ สัดส่วน 15% ชี้ช่วยเสริมศักยภาพรุกสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนรองรับ AEC ผสานจุดแข็งดึงโนฮาวด้านการพัฒนาสินค้า ช่องทางการขาย และเทคโนลยี
ไทยประกันชีวิต เสริมเขี้ยวเล็บ ผนึกกำลังกับเมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ เป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ สัดส่วน 15% ชี้ช่วยเสริมศักยภาพรุกสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนรองรับ AEC ผสานจุดแข็งดึงโนฮาวด้านการพัฒนาสินค้า ช่องทางการขาย และเทคโนลยี ยันไม่กระทบต่อนโยบายการบริหาร
วันที่ 29 กรกฎาคม 2556 นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในอนาคตอันใกล้ โดยจะมีผลต่อการขยายตัวและการแข่งขันของธุรกิจประกันชีวิตในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทหนึ่งที่มีความสนใจในการขยายตลาดในภูมิภาคนี้เช่นเดียวกัน
เพื่อรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตจึงได้ลงนามในการเป็นพันธมิตร กับบริษัท เมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด บริษัทประกันชีวิตยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท เมจิ ยาซึดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ จำกัด จะเข้ามาถือหุ้นในไทยประกันชีวิตเป็นสัดส่วน 15 % ซึ่งการร่วมถือหุ้นดังกล่าวไทยประกันชีวิตมีบาร์เคลย์ส บริษัทวาณิชธนกิจชั้นนำของประเทศอังกฤษ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และสํานักงานกฎหมายเบเคอร์ แอนด์ แมคเคนซี เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย
“การถือหุ้นดังกล่าวเป็นไปในลักษณะพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ หรือ Strategic Partners เพื่อผสมผสานความหลากหลายด้านภูมิศาสตร์ของธุรกิจรับการเติบโตของ AEC โดยไทยประกันชีวิตและเมจิ ยาซึดะฯจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งระหว่างกัน โดยผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดในภูมิภาคอาเซียน” นายไชยกล่าว
ไทยประกันชีวิตนับเป็นบริษัทประกันชีวิตของไทยที่มีความมั่นคงสูง มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับ Top 3 ของประเทศ และมีความเชี่ยวชาญการทำตลาดประกันชีวิตในไทยมายาวนาน มีความแข็งแกร่งทั้งด้านการบริหารจัดการ การลงทุน การบริหารความเสี่ยง รวมถึงความแข็งแกร่งของช่องทางการจำหน่ายทุกช่องทาง ซึ่งบริษัทฯมีจำนวนตัวแทนรวมสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รวมถึงสาขาและศูนย์บริการลูกค้าที่มีมากที่สุดในธุรกิจกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ
ขณะที่เมจิ ยาซึดะฯ เป็นบริษัทประกันชีวิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 130 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย ส่งผลให้เมจิ ยาซึดะฯประสบความสำเร็จในการขยายตลาดไปสู่อเมริกา จีน อินโดนีเซียและโปแลนด์มากว่า 30 ปี
การเข้ามาถือหุ้นของเมจิ ยาซึดะฯ จะถือหุ้นเพียง 15% ซึ่งไม่กระทบต่อโครงสร้างการบริหารจัดการและการกำหนดนโยบายต่างๆของไทยประกันชีวิต แต่ในขณะเดียวกันจะช่วยเสริมศักยภาพความแข็งแกร่ง ตลอดจนโนฮาวในการขยายธุรกิจไปสู่ประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ดีขึ้น
“ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ที่มุ่งมั่นสร้างหลักประกันชีวิตที่มั่นคงแก่ผู้เอาประกันมายาวนานกว่า 70 ปี ด้วยแนวคิดเป็นมากกว่าการประกันชีวิต ผ่านการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยประกันชีวิตเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต
แม้ว่าจะมีการถือหุ้นร่วมกันกับเมจิ ยาซึดะฯ แต่ไทยประกันชีวิตยังคงยึดมั่นดูแลชีวิตคนไทยอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะนี่คือจิตวิญญาณความเป็นไทยที่ฝังลึกอยู่ในไทยประกันชีวิตที่รู้จักและเข้าใจคนไทยเป็นอย่างดี เมื่อผสานรวมกับความแข็งแกร่งของเมจิ ยาซึดะฯ จะส่งผลดีต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และการบริการ ที่จะเอื้อประโยชน์และรองรับความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น รวมทั้งยกระดับให้ไทยประกันชีวิต ก้าวสู่การเป็นบริษัทคนไทยในระดับสากลด้วยเช่นกัน” นายไชยกล่าว
สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ 31 ธันวาคม 2555 มีสินทรัพย์รวม 202,220 ล้านบาท เงินสำรองประกันชีวิต 160,336 ล้านบาท โดยมีเบี้ยประกันรับปีแรกในปีที่ผ่านมา 12,441 ล้านบาท เติบโตถึง 40%
FaceBook.com/ thailife.Agent2013
หรือ Web Site : ตัวแทนไทยประกันชีวิต.com
New By : ตัวแทนไทยประกันชีวิต.com
อส เอฟ จับมือ ไทยประกันชีวิต เปิดโรงภาพยนตร์ “ไทยประกันชีวิต CrystalCinema”
อส เอฟ จับมือ ไทยประกันชีวิต เปิดโรงภาพยนตร์ “ไทยประกันชีวิต CrystalCinema”
ชูจุดแข็งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอหนัง
ด้วยโรงภาพยนตร์ดิจิตอล 3 มิติที่ดีที่สุดใจกลางเมือง
เอส เอฟ ร่วมกับ ไทยประกันชีวิต เปิดยิ่งใหญ่โรงภาพยนตร์ “ไทยประกันชีวิต CrystalCinema” ชูจุดแข็งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอหนังด้วยโรงภาพยนตร์ดิจิตอล 3 มิติที่ดีที่สุดเพื่อคนไทยใจกลางเมืองย่านพระรามเก้า เต็มอิ่มอรรถรสความบันเทิงสุดพิเศษสมบูรณ์แบบด้วยระบบฉายและระบบเสียงดิจิตอล พร้อม Exclusive Lounge มุมพักผ่อนส่วนตัวสุดพิเศษ อีกทั้งยังมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าบัตรไทยไลฟ์การ์ดรับฟรี! ป๊อปคอร์น ตั้งแต่ 1 ส.ค. ยาวถึงสิ้นปี 55
นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการ บ. เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า “เอส เอฟ มีความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการพัฒนามาตรฐานคุณภาพและการบริการอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเราก็พร้อมที่จะเป็นช่องทางสนับสนุนให้ลูกค้าองค์กรหรือคู่ค้าในการสื่อสารสินค้าหรือบริการสู่ผู้บริโภคในรูปแบบความบันเทิงตามความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้มอบความไว้วางใจให้เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ เป็นช่องทางในการสนับสนุนเชิงธุรกิจอย่างครบวงจร อาทิ การจัดฉายสื่อโฆษณาภายในโรงภาพยนตร์ตลอดทั้งปี การจัดรอบการชมภาพยนตร์พิเศษเฉพาะกลุ่มสำหรับลูกค้าไทยประกันชีวิตตลอดปี และกิจกรรมอื่นๆที่จะประชาสัมพันธ์ในช่องทางของโรงภาพยนตร์ ตลอดปี 2555 ถึง ปี 2557 และล่าสุดคือการจัดตั้ง “ไทยประกันชีวิต Crystal Cinema” ที่โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า เซ็นทรัล สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระรามเก้า
เราได้รังสรรค์ให้ “ไทยประกันชีวิต Crystal Cinema” เป็นโรงภาพยนตร์ดิจิตอล 3 มิติที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งเรื่องระบบฉายด้วยเทคโนโลยี Real D และระบบเสียงดิจิตอลแบบ 4 Ways Speaker ที่รองรับผู้ชมคอหนังได้ถึง 437 ที่นั่ง โอ่อ่าด้วยการออกแบบที่หรูหราดั่งคอนเซปคริสตัล และสุดพิเศษด้วย “ไทยประกันชีวิต Crystal Cinema Lounge” มุมพักผ่อนสุด Exclusive ระหว่างรอรอบฉายบริเวณหน้าโรง นอกจากนี้ลูกค้ายังสะดวกสบายด้วยทำเลที่ตั้งที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อโดยรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีพระรามเก้า และที่ขาดไม่ได้คือการบริการที่ดีเยี่ยม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเรา ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นว่าลูกค้าของไทยประกัน และลูกค้าที่ได้เข้ามาใช้บริการโรงภาพยนตร์ไทยประกันชีวิต Crystal Cinema จะได้เต็มอิ่มอรรถรสความบันเทิงพร้อมด้วยการบริการชั้นเยี่ยม ให้สมกับการเป็นสุดยอดโรงภาพยนตร์เพื่อคนไทยอย่างแท้จริง”
ทางด้าน นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ไทยประกันชีวิตมาโดยตลอด ซึ่งปีนี้ครบรอบ 70 ปี เราจึงจัดกิจกรรมพิเศษ ตามแนวคิด “เป็นมากกว่าการประกันชีวิต” เพื่อดูแลคนไทยรอบด้าน โดยเฉพาะลูกค้าซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Stakeholder ที่ไม่เพียงแต่ให้ความคุ้มครองด้านประกันชีวิตและประกันสุขภาพเพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งเพิ่มสร้างมูลค่าเพิ่ม หรือ Value Added ด้วยการเติมเต็มความสุขให้ลูกค้าที่ถือบัตรไทยไลฟ์การ์ดผ่านคลับไทยประกันชีวิต ซึ่งการดูหนังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เรามอบเป็น Value Added ที่ตอบโจทย์ความสุขและอรรถรสความบันเทิงอย่างแท้จริง
และเพื่อสร้างความสุขให้เพิ่มขึ้น ไทยประกันชีวิตจึงเลือกโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า แกรนด์ พระรามเก้า เป็นโรงภาพยนตร์ “ไทยประกันชีวิต CrystalCinema” ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ที่ทันสมัย สมบูรณ์แบบทั้งระบบภาพและเสียง ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และการคมนาคมที่สะดวก ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในโรงภาพยนตร์แห่งนี้จะได้รับความรู้สึกอบอุ่น มีความสุข และได้รับการดูแลดั่งคนพิเศษแน่นอน”
นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิต และ เอส เอฟ ยังได้ร่วมกันมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าไทยประกันชีวิต รับฟรี!ทันที ป๊อปคอร์นขนาดกลาง 1 ชุด เมื่อซื้อบัตรชมภาพยนตร์ทุก 2 ที่นั่ง เพียงแสดงบัตรไทยไลฟ์การ์ดที่จุดจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์เอส เอฟ เอ็กซ์ ซีเนม่า ชั้น 7 เซ็นทรัล แกรนด์ พระรามเก้า 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.จนถึงสิ้นปี 55 และพิเศษสุด ลูกค้าไทยประกันชีวิตสามารถรับสิทธิ์ซื้อบัตรชมภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปีดี 7 หน ได้ 1 ที่นั่งแถม 1 ที่นั่ง เพียงแสดงบัตรไทยไลฟ์การ์ดที่โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ ทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. เป็นต้นไป สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ SF Call Center 02-268 8888
FaceBook.com/ thailife.Agent2013
หรือ Web Site : ตัวแทนไทยประกันชีวิต.com
New By : ตัวแทนไทยประกันชีวิต.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)




